วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงดูสุนัขขณะตั้งครรภ์ ตอนที่ 1


สุันัขตั้งท้อง


    หลังจากผสมติดแล้ว แม่สุนัขจะแสดงอาการแพ้ท้องหรือไม่ก็ได้ อาการที่เห็นบ่อย คือ ระยะแรกๆ จะมีอาการเบื่ออาหาร ต่อมาน้ำหนักตัวจะขึ้น ท้องจะขยายออก ท้องจะเห็นชัดหลังผสม 1 เดือน ควรทำการถ่ายพยาธิหลังตั้งท้องได้ 1 เดือนครึ่งแล้ว

     กรณีที่ไม่แน่ใจว่าการตั้งท้องหรือไม่?  สามารถนำไปให้สัตวแพทย์ X-ray ดูได้ โดยถ้ามีการตั้งท้องได้ 45 - 50 วัน จะเห็นกระดูกโครงร่างของลูกสุนัขอยู่ในมดลูกของตัวแม่ ปกติสุนัขจะตั้งท้อง 57 - 63 วัน ไม่ควรเลี้ยงสุนัขจนอ้วนเกินไป จนไม่มีแรงในการเบ่งคลอด ควรให้มีการออกกำลังกายเบาๆ เช่น มีการจูงเดิน ห้ามให้กระโดดโลดเต้น ซึ่งอาจจะทำให้แท้ได้ ไม่ควรให้พบกับคนแปลกหน้า สุนัขจากที่อื่น หรือสัตว์เลี้ยงที่สุนัขชอบไล่ เช่น แมว

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การแพ้วัคซีน



     ปกติแล้วสัตวแพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนประจำปี (ยกเว้นในลูกสุนัขที่เพิ่งเริ่มทำวัคซีนเ็ป็นครั้งแรก ต้องมีการกระตุ้นวัคซีนหลายครั้ง) ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลสัตว์เลี้ยงของท่านประจำทุกปี เว้นในรายที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่สนใจเท่านั้น การฉีดวัคซีนประจำปี เป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานของสัตว์ ซึ่งย่อมต้องเกิดอาการอักเสบ  สัตว์บางตัวจึงแสดงอาการซึม  หรือมีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ  และข้อต่อบางแห่ง  หรือมีไข้อยู่ 1 - 2 วัน ภายหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งถือว่าเป็นปกติ และบางตัวก็ไม่แสดงอาการให้เห็น สัตว์จะกินอาหาร ละเล่นได้ตามปกติ แต่ในบางรายจะเกิดอาการอักเสบที่รุนแรงกว่านั้น ซึ่งอาการจะเห็นได้อย่างชัดเจน

อาการแพ้วัคซีน

     อาการแพ้ที่แสดงออก มักไม่เหมือนกันเลยทีเดียวในแต่ละตัว ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของสัตว์ที่มีต่อโปรตีนที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นวัคซีนเสมอไป อาจเป็นละอองเกสร  ฝุ่น  อาหาร  หรือยา  ก็ได้ อาการแพ้ทุกชนิด มักมีอาการลมพิษ  หน้าบวม  คลื่นไส้  ในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต  ไม่จำเป็นว่าสัตว์ต้องแสดงอาการทุกอย่างที่กล่าวมาใ้ห้เห็น อาจเกิดเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน


ทำอย่างไร เมื่อเกิดอาการแพ้

     ถ้าสัตว์แพ้เล็กน้อย ก็คงไม่มีปัญหา ในรายที่แพ้รุนแรง มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เดินโซเซ เจ้าของควรรีบนำส่งสัตวแพทย์เป็นการด่วน ก่อนที่อาการจะทรุดลงไปกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้สัตว์ถึงแก่ชีวิตได้

     อาการอาเจียน เป็นอาการที่แสดงว่าสัตว์อยู่ในภาวะที่อันตรายมาก ซึ่งบางครั้งเจ้าของอาจนึกว่าเป็นอาการเมารถธรรมดา แต่ถ้าเกิดอาการเช่นนี้ ให้รีบนำส่งสัตวแพทย์ แล้วเล่าอาการให้แพทย์ฟังโดยด่วน


     ในกรณีที่สัตว์แพ้วัคซีน ครั้งต่อไปควรจะทำอย่างไร?  มีหลายขั้นตอนที่จะทำได้ หลังจากทราบว่าสัตว์ของท่านแพ้วัคซีน  เช่น

หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเลสโตโปไรซีส

     วัคซีนเลสโตโปไรซีส มักรวมอยู่ในวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข เป็นส่วนของวัคซีนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้มากที่สุด เจ้าของควรบอกสัตวแพทย์ว่าไม่ต้องการให้สุนัขฉีดวัคซีนชนิดนี้

หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนรวมหลายๆ โรคพร้อมกัน

     โดยขอให้สัตวแพทย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแต่ละชนิดแยกกัน โดยอาจฉีดห่าง 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อลดการกระตุ้นภูมิต้านทานลง เพื่อไม่ให้อาการแพ้รุนแรง และการแยกชนิดวัคซีน จะสามารถทำให้ทราบว่าสัตว์แพ้วัคซีนชนิดใด

หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนเอง หรือบุคคลที่ไม่ใช่สัตวแพทย์ฉีด

     แจ้งข้อมูลการแพ้วัคซีนของสัตว์เลี้่ยงของท่านต่อสัตวแพทย์ทุกครั้ง ท่านควรจดจำชนิดวัคซีนที่สัตว์เลี้ยงแพ้ และแจ้งให้สัตวแพทย์ทราบทุกครั้งที่ไปฉีดวัคซีน

     อาจต้องมีการฉีดยาแก้แพ้ ก่อนการฉีดวัคซีนในรายที่แพ้ทุกครั้ง  การฉีดยาแก้แพ้ก่อนการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการป้องกันอาการแพ้ก่อนที่จะเกิด และภายหลังการฉีดวัคซีน ท่านควรจะสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงต่ออีก 1 - 2 วันหลังจากการฉีดวัคซีน

     การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยง  การแพ้วัคซีนแม้จะเกิดขึ้นได้น้อย แต่บางครั้งก็เป็นอันตรายถึงชีิวิต ขึ้นอยู่กับว่าสัตว์เลี้ยงแพ้มากหรือน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะกลัวการแพ้วัคซีน จนไม่พาสัตว์เลี้ยงไปฉีด

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หกโรคที่ควรระวังในสุนัข


     คลีนิกโรคตาขอนำเสนอ โรคตาที่มักจะพบในสุนัขพันธุ์ต่างๆ ที่อาจพบได้กับสุนัขของคุณ

1.  ต้อกระจกที่เป็นมาโดยกำเนิด  (Congenital Cataract)

        พบได้ในพันธุ์อิงลิซ  ค็อกเกอร์ สเปเนียล เยอรมันเชพเพิร์ด หรือรู้จักกันในนามอัลเซเซียน ร็อตไวเลอร์ พูเดิล เทอร์เรีย


2.  ต้อหิน (Glaucoma)

     ตัวอย่างที่พบ คือ พันธุ์อากิตะ บัสเส็ต ฮาวน์ คอลลี่ บูลเทอร์เรีย ดัลเมเซียน อิงลิซ ค็อกเกอร์ สเปเนียล ไซบีเรียน ฮัสกี้


3.  โรคตาแห้ง (Dry Eye)

     พบได้ในพันธุ์ต่อไปนี้ อเมริกัน ค็อกเกอร์ สเปเนียล บูลด๊อก บูลเทอร์เรีย เชาเชา ดัชชุน มินิเจอร์ พูเดิล ชิสุห์


4.  หนังตามัวนเข้ามากเกินไป (Entropion)

     พบได้ในพันธุ์ต่อไปนี้ อเมริกัน ค็อกเกอร์ สเปเนียล บ๊อกเซอร์ บูลเทอร์เรีย ชิวาวา เชาเชา ดัชชุน ดัลเมเซียน แมนพินช์เชอร์ อิงลิซ ค็อกเกอร์ สเปเนียล ฟ็อกซ์ เทอร์เรีย โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เกรตเดน ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ มัสทิฟ พุดเดิล ชเนาเซอร์ นิวฟาวน์แลนด์ ปักกิ่ง ปอมเมอเรเนียน ร็อตไวเลอร์ เซนต์เบอร์นาร์ด ชาร์ไป่ย


5. หนังตามัวนออกมากเกินไป (Ectopion)

     พบในพันธุ์เดียวกับพันธุ์ที่เป็นหนังตาม้วนเข้ามากเกินไป


6. โรคจอตาลอกหลุด (Retinal Detachment)

     พบขได้ในพันธุ์ อัฟกันฮาวน์ อเมริกัน ค็อกเกอร์ สเปเนียล อิงลิซ ค็อกเกอร์ สเปเนียล บาเซนจิ เกรตเดน ร็อตไวเลอร์ ชิสุห์


      ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงโรคตา 6 ชนิดที่มีลักษณะโดดเด่น และพบได้บ่อยๆ คุณลองสังเกตดูว่าสุนัขของคุณมีอาการที่เล่ามาหรือไม่? เพื่อจะไ้ด้รักษาเขาทันท่วงที



ล้อมกรอบเรื่อง (ตา) สุนัข

โครงสร้างตาสุนัข

     ตาสุนัขก็เหมือนตาคน เริ่มกันจากด้านนอกไปสู่ด้านใน กระจกตาจะใสเหมือนแก้ว ไม่ใช่สีดำ หรือที่เรียกว่าตาดำอย่างที่เห็น สีดำที่เห็นคือม่านตาดำ บริเวณกระจกตาจะพบรอยแผลมากที่สุด ถัดจากกระจกตาเข้ามา ก็จะเป็นม่านตาสีดำ แล้วบริเวณในสุด คือ แก้วตา


อาการของโรคตาสุนัข

     สังเกตได้จากเริ่มตาแดง ตาฝ้า บางครั้งจะมีน้ำตาเอ่อ มีขี้ตามากผิดปกติ ชอบเกาตา หรือไถตากับพื้น หรือฝาผนัง ที่เห็นได้อย่างเด่นชัดที่สุด คือ การเดินชนของ เดินขึ้นบันไดลงบันไดไม่ค่อยถนัด หาชามข้าวไม่พบ เป็นต้น

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีการเลี้ยงสุนัข ตอน 4



     การดูแลผิวหนังและแปรงขนสุนัขอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้ผิวหนังและขนอยู่ในสุขภาพดี แต่ในบางครั้งก็จำเป็นต้องอาบน้ำให้สุนัข ถ้ามีกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ การอาบน้ำจะช่วยกำจัดพยาธิภายนอกบางชนิด รวมทั้งปรับสภาพผิวหนังที่แห้งหรือมันเกินไป ซึ่งสัตวแพทย์สามารถแนะำนำแชมพูยาและครีมปรับสภาพขนที่เหมาะสมกับสุนัข การใช้แชมพูและครีมปรับสภาพขนให้ได้ผลดี จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต แชมพูที่ล้างออกไม่หมด จะระคายเคืองต่อผิวหนัง และทำให้คัน ซึ่งสุนัขอาจเกาจนเป็นแผล ระหว่างการอาบน้ำ อาจใส่ปลอกคอ เพื่อใช้จับสุนัขและป้องกันสุนัขกระโดดออกจากอ่างน้ำ การวางผ้ายางไว้ในอ่างน้ำ จะช่วยไม่ให้สุนัขลื่น

วิธีการอาบน้ำ

     1. หลังจากแปรงขนให้สุนัขแล้ว ให้ใช้ก้อนสำลีอุดหูสุนัขไว้ แล้วจับสุนัขยืนในอ่างน้ำ โดยใช้ผ้ายางรองพื้นอ่าง ใช้มือจับปลอกคอสุนัข แล้วใช้น้ำอุ่นค่อยๆ ราดลงบนตัวสุนัข

      2. ใช้แชมพูสำหรับสุนัข หรือแชมพูที่ไม่ระคายเคืองตาฟอกให้ทั่วตัว ยกเว้นบริเวณหัว จับสุนัขให้มัีนคง เพื่อป้องกันสุนัขลื่นหรือกระโดดออกจากอ่างน้ำ ถูนวดย้อนขน จนแชมพูเป็นฟอง ระวังอย่าให้แชมพูกระเด็นเข้าตาสุนัข

      3. บริเวณหัว ให้ใช้แชมพูที่ไม่ระคายเคืองตาเทลงมือ แล้วนวดขนสุนัขอย่างนุ่มนวล ระวังอย่าให้น้ำและฟองแชมพูกระเด็นเข้าปากของสุนัข

     4. ล้างแชมพูบริเวณหัวออก และเช็ดให้แห้งก่อน จากนั้นจึงล้างแชมพูบริเวณลำตัว วิธีจะช่วยป้องกันสุนัขสะบัดน้ำกระจายไปทั่ว

     5. ล้างแชมพูออกให้หมดด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง ถ้าจำเป็นอาจใช้แชมพูปรับสภาพนวดขน แล้วล้างออกให้หมด

      6. บีบไล่น้ำที่ติดค้างตามขนออกให้มากที่สุด แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เช็ดตัวสุนัขให้แห้ง จากนั้นอาสำลีที่อุดหูออก และเช็ดในรูหูให้แห้ง

     7. สุนัขที่มีผิวหนังสมบูรณ์ อาจใช้เครื่องเป่าผมเป่าขนให้แห้ง โดยปรับอุณหภูมิปานกลาง และแปรงขนไปในทิศทางออกจากตัว สำหรับสุนัขที่มีอาการคันควรงดเครื่องเป่าผม เพราะว่าความร้อนจะทำให้คันมากขึ้น หลังอาบน้ำสุนัขมักจะวิ่งไปทั่วอย่างตื่นเต้น ควรระวังไม่ให้สุนัขไปเกลือกกลิ้งบนพื้นสกปรก และพยายามสร้างกลิ่นตัวให้เหมือนสิ่งแวดล้อม ด้วยการไปคลุกคลีกับสิ่งเหล่านั้น

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีการเลี้ยงสุนัข ตอน 3


อุปกรณ์ในการดูแลขน

     เนื่องจากสุนัขแต่ละพันธุ์ มีลักษณะขนที่แตกต่างกัน การเลือกอุปกรณ์ในการดูแลขน จึงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะและสภาพขนของสุนัขพันธุ์นั้นๆ สุนัขที่มีขนสั้นหรือขนเีรียบ อาจใช้แค่แปรงธรรมดากับ Hound glove ในขณะที่สุนัขขนยาวบางตัว จำเป็นต้องอาศัยมีดตัดขน ในการเล็มขนที่ยาวออก เป็นต้น


แปรงสำหรับแปรงขน

     1. Pin Brush เป็นแปรงที่มีลักษณะขนของแปรงเป็นลวดแข็งๆ เหมาะสำหรับสุนัขที่มีขนยาว เช่น พันธุ์ อาฟกันฮาวนด์,  ปักกิ่ง,  ซาลูกิ

       2. Slicker Brush เป็นแปรงที่มีขนาดเบาและมีขนแปรงที่ทำมาจากลวดที่มีปลายแหลม เหมาะที่จะใช้ในการสางขนที่มีลักษณะหยิกเป็นลอน เช่น พันธุ์พุดเดิ้ล

       3. Bristle Brush เป็นแปรงที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับสุนัขที่มีลักษณะขนเป็นเ้ส้นตรง และมีขนมันเป็นเงางาม เช่น พันธุ์ยอร์กไชร์ เทอร์เรีย

        4. Hound glove เป็นแปรงที่มีที่สวมมือคล้ายถุงมือ เหมาะสำหรับสุนัขที่มีขนเรียบ เ่ช่น พันธุ์เกรดเดน, ชิวาวา และสุนัขในตระกูลฮาวนด์


หวีสำหรับสุนัข

     1. Half fine / Half coarse comb เป็นหวีที่มีซี่หวีเป็นโลหะ ด้านหนึ่งจะมีซี่หวีถี่ แต่อีกด้านหนึ่งจะมีซี่หวีห่าง เหมาะที่จะใช้กับสุนัขทั่วๆ ไป

     2. De-Matting comb เป็นหวีที่มีซี่ยาวและกว้าง เหมาะที่จะใช้ในการสางขนที่ติดแน่นเป็นก้อน



วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีการเลี้ยงสุนัข ตอน 2



การดูแลผิวหนังและขน


     วัตถุประสงค์ในการดูแลผิวหนังและขนสุนัข มี 2 ประการด้วยกัน

     ประการแรก คือเพื่อให้ขนและผิวหนัง รวมทั้งเหงือก ฟัน และเล็บของสุนัขมีสุขภาพดี

     ประการที่สอง คือ เป็นการฝึก และย้ำเตือนสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่ง และยอมรับว่าเจ้าของมีอำนาจเหนือกว่า เมื่อสุนัขยอมให้ดูแลผิวหนังและขน ควรให้รางวัลด้วยการสัมผัสหรือลูบคลำตัวสุนัขเท่านั้น แต่บางครั้งอาจจะให้อาหารเป็นรางวัลก้ได้ กรณีที่สุนัขไม่ยอมให้ดูแลผิวหนังและขน จำเป็นต้องออกคำสั่ง บังคับให้สุนัขนั่งลงหรือให้อยู่นิ่งๆ สุนัขพันธุ์ใหญ่บางพันธุ์ เช่น พันธุ์โดเบอร์แมน และเกรดเดน ซึ่งมีขนสั้นและเรียบ อาจมีขนแข็งคล้ายเข็ม ซึ่งจะแทงทะลุผิวหนังบริเวณที่มีการกดทับของสุนัข ขณะนอนลง เช่น ข้อศอก และข้อขา บริเวณที่บอบบางเหล่านี้ ควรใช้แชมพูดปรับสภาพ เพื่อให้ขนอ่อนนุ่มและป้องกันการอักเสบของผิวหนัง


การแปรงขนให้สุนัขที่มีขนเรียบ

     1. สุนัขขนเรียบ เช่น พันธุ์บ๊อกเซอร์ ไม่ต้องการการดูแลขนมากนัก แต่ควรแปรงขนสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ขั้นตอนแรก ควรใช้แปรงยางหรือถุงเมือแปรงย้อนขน เพื่อขจัดขนที่หมดอายุแล้ว รวมทั้งสิ่งสกปรกบนผิวหนัง

     2. กำจัดขนและผิวหนังที่ตายออก โดยใช้แปรงขนสัตว์แปรงทุกส่วน ตั้งแต่หัวถึงหาง อาจใช้ครีมปรับสภาพผิวหนังทา เพื่อให้ขนดูเงางาม

     3. ขัดขนอย่างรวดเร็วด้วยผ้าชามัวร์ เพื่อทำให้ขนดูเงางาม สุนัขที่มีขนเรียบ เป็นสุนัขที่ดูแลผิวหนังและขนง่ายที่สุด และสามารถทำให้ดูดีได้ด้วยการดูแลอย่างสม่ำเสมอ


การแปรงขนสุนัขที่มีขนสั้น

     1. สุนัขที่มีขนสั้นและหนา ควรดูแลเป็นประจำและใช้แปรงพิเศษที่เรียกว่า "สลิกเกอร์" เพื่อช่วยไม่ให้ขนติดกัน

     2. แปรงขนทั่งตัวด้วยแปรงขนสัตว์ เพื่อกำจัดขนที่หมดอายุและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ ขณะที่แปรงขนสุนัข สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป คือการตรวจดูว่ามีเห็บ หมัด หรือมีความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่

     3. ใช้หวีซี่ละเอียด แปรงขนบริเวณหางและขา ใช้กรรไกรเล็มขนที่ขึ้นไม่เป็นระเบียบออกไป


การแปรงขนสุนัขที่มีขนคล้ายเส้นไหม  เช่น พันธุ์ยอร์กไชร์ เทอร์เรีย

     1. ใช้แปรงสลิกเกอร์สางขนที่พันกันออก การสางขนที่เกาะกันเป็นก้อนต้องกระทำอย่างระมัดระวัง และอย่าดึงแรง จนกระทั่งขาด

       2. แปรงอีกครั้งด้วยแปรงขนสัตว์ เพื่อใ้ห้ขนเงางาม การแปรงขนในขั้นนี้ ไม่ควรแปรงสะดุด

       3. แสกขนตามแนวกลางหลัง แล้วหวีขนแต่ละด้านให้เหยียดลง ตัดแต่งด้วยกรรไกรให้เป็นระเบียบ

       4. เล็มขนรอบเท้าและหู และตัดเล็บด้วย

       5. ขนที่ยาวเหนือตา ควรเล็มออก หรือรวบด้วยริบบิ้นหรือโบว์


การแปรงขนสุนัขขนยาว   เช่น  พันธุ์คอลลี่

     1. ใช้แปรงสลิกเกอร์ค่อยๆ สางขนที่พันกันและเป็นปมอย่างนุ่มนวล และควรระมัดระวัง อย่าฝืนดึงหรือแปรงอย่างรุนแรง จนทำให้สุนัขเจ็บ

      2. แปรงขนซ้ำอีกครั้งด้วยแปรงขนหมุด การแปรงในขั้นนี้ ไม่ควรมีขนที่พันกัน

      3. ใช้ด้ามหวีตรงที่มีซี่หวีกว้างหวีอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงขาที่มีขนยาว

    4. ตัดขนที่ยาวรอบเท้า โดยเฉพาะระหว่างนิ้ว ซึ่งเป็นบริเวณที่มักมีสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสะสม ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง

      5. ตัดขนบริเวณข้อขา เพื่อป้องกันการพันกันของขนที่ยาว ซึ่งจะเป็นที่สะสมของสิ่งสกปรกและผิวหนังที่ตาย

วิธีการเลี้ยงสุนัข ตอน 1



การดูแลสุนัข

     สุนัขจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ ทั้งในด้านการดูแลขน การอาบน้ำ การดูแลสภาพทั่วไปของหู ตา จมูก และเล็บเท้า รวมไปถึงกาารดูแลสุขภาพของเหงือกและฟัน ตลอดจนการออกกำลังกาย การได้รับอาหารที่ดี และการได้รับการตรวจเช็คสุขภาพ โดยสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย


การทำความสะอาดใบหน้า

     1. ในการทำความสะอาดตา ให้ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำ บิดให้แ้ห้ง เช็ดขอบตา ควรใช้สำลีแผ่นใหม่ สำหรับตาแต่ละข้าง และถ้าพบว่าสุนัขมีขี้ตา หรือมีอาการตาอักเสบ ควรนำไปปรึกษาสัตวแพทย์

       2. ในการทำความสะอาดช่องหู ควรได้รับการดูแลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้สำลีพันปลายไม้ ชุบน้ำอุ่น น้ำยาเช็ดหู สำหรับสุนัข ทำความสะอาดซอกหูและช่องหู ควรใช้สำลีใหม่สำหรับหูแต่ละข้าง ถ้าพบอาการอักเสบให้หยุดการเช็ดทันที แล้วรีบปรึกษาสัตวแพทย์

       3. ทำความสะอาดบริเวณที่พับย่น เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรก กำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระคายเคืองและการติดเชื้อ


การทำความสะอาดช่องปาก

     สัตวแพทย์สามารถจัดยาสีฟันที่เหมาะสม สำหรับสุนัขให้ได้ และไม่ควรใช้ยาสีฟันสำหรับคนกับสุนัข

     1. ควรตรวจสุขภาพฟัน เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขไม่มีปัญหาเหงือกอักเสบ หรือคราบหินปูนเกาะฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุของเหงือกอักเสบ

       2. แปรงฟันให้สุนัขอย่างนิ่มนวล ควรใ้ช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม อาจใช้น้ำเกลือเจือจาง หรือยาสีฟันสำหรับสุนัข


การตัดเล็บ

     การตัดเล็บจะต้องไม่ตัดให้ลึกถึงบริเวณที่เห็นเป็นสีชมพู เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยงมาก เรียกว่าเนลเบค (Nail Bed) หรือ ควิก (Quick) ถ้าไม่แน่ใจควรให้สัตวแพทย์เป็นผู้ตัดเล็บให้แก่สุนัข

      1. จับนิ้วสุนัขให้แยกจากกัน และตรวจดูระหว่างนิ้ว เช็ดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ด้วยสำลีชุบน้ำ

        2. ตัดเล็บด้วยความระมัดระวัง ตะไบปลายเล็บให้เรียบร้อย ถ้าสุนัขตัวนั้นมีนิ้วดิ่ง ให้ตัดเล็บที่นิ้วดิ่งออกไปด้วย

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สารอาหารที่ควรรู้จัก



โปรตีนกับการเจริญเติบโต


     อาหารที่มีคุณภาพจะผลิตขึ้นอย่างดี เพื่อให้เป็นอาหารที่ "ครบถ้วนและได้สัดส่วน" อาหารที่เสริมประสิทธิภาพและการเติบโต จะมีระดับพลังงาน (จากไขมัน) สูง เพื่อให้พลังงานที่เพียงพอต่อสัตว์ซึ่งกำลังต้องการสารอาหารอย่างมาก ระดับโปรตีนของอาหารเสริมประสิทธิภาพและการเติบโตจะต้องสูงกว่า 30% ส่วนระดับไขมันต้องสูงกว่า 20% เพื่อความสมดุล แต่เนื่องจากอาหารที่สุนัขกินต้องคิดน้ำหนักเป็นกรัม ไม่ใช่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเขากินอาหารที่ให้พลังงานสูง อาหารนั้นก็ควรมีสัดส่วนของโปรตีนมากพอกับปริมาณความต้องการโปรตีนและกรดที่จำเป็นต่อการเติบโตของเขาในแต่ละวัน พูดอีกอย่างว่าเปอร์เซ็นต์โปรตีนสูง ไม่ได้แปลว่าอาหารนั้นจะมีโปรตีนสูง ถ้ายังไม่ทราบปริมาณไขมัน เมื่อระดับไขมันในอาหารสูง (19 หรือ 20%) โปรตีนก็ต้องอยู่ในระดับ 30% จึงจะถือว่าครบถ้วนและได้สัดส่วนสมดุล ทั้งยังเหมาะสมกับความต้องการใช้พลังงานและการเติบโตของสัตว์อีกด้วย

     ผลการศึกษาของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชน ใน Utrecht NL แสดงให้เห็นว่าการเพาะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ ด้วยอาหารที่มีโปรตีน (ต่อหน่วยพลังงาน) สูงกว่าปกติถึง 50% ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างในด้านพัฒนาการทางโครงร่าง (กระดูกและข้อต่อ) ของสุนัขเทียบกับสุนัขที่กินอาหาร ซึ่งมีโปรตีนระดับปกติ กลุ่มที่กินอาหารโปรตีนสูงไม่ได้โตเร็วกว่าเลย ส่วนสูงก็เท่ากัน และน้ำหนักตัวก็เพิ่มในลักษณะเดียวกันกับกลุ่มที่กินอาหารโปรตีนปกติ จึงสรุปได้อย่างชัดเจนว่าระดับโปรตีนไม่มีผลต่อความถี่และระดับความรุนแรงของโรคกระดูก อย่างโรค OCD และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โรค HD (Hip Dysplasia) และ/โรค ED (Elbow Dysplasia)

     จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าว ในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่โตเร็วนั้น คำแนะนำในปัจจุบันเกี่ยวกับการให้อาหาร คือ ควรจำกัดปริมาณอาหาร และใช้อาหารสุตรที่ผสมมาสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่มีระดับพลังงานและแคลเซียมในปริมาณที่จำกัด เพื่อให้สุนัขเติบโตในระดับพอดี อย่างไรเสียวิธีการให้อาหาร ก็ไม่ส่งผลต่อขนาดของสุนัข เมื่อโตเต็มที่แน่นอน

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เสริมสร้างลูกสุนัขให้แข็งแรงด้วยโภชนาการที่สมบูรณ์ ตอนที่ 3


บทบาทสำคัญของ DHA

     ลูกสุนัขก็เหมือนลูกคนในแง่ที่ว่าความสามารถในการเรียนรู้ ขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางสมองที่ดี ผลวิจัยแสดงว่าลูกสุนัขจะมีมวลสมองเพียง 90% ของสุนัขโตเมื่อมีอายุ 12 สัปดาห์ ส่วนพัฒนาการทางประสาทจะเติบโตต่อไปจนถึงช่วงหลังหย่านมแม่แล้ว การให้ลูกสุนัขทานอาหารที่มีส่วนผสมของปลา ซึ่งอุดมด้วย DHA และกรดไขมัน โอเมก้า 3 จะช่วยเสริมการพัฒนาเนื้อเยื่อระบบประสาท ทำให้ลูกสุนัขเรียนรู้ได้ดี ฉลาด และรับการฝึกหัดได้ดี


ระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสม

     ลูกสุนัขทุกสายพันธุ์จำเป็นต้องได้รับการดูแลเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเหมาะสม เนื่องจากอาหารจำพวกแป้งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น หลังกินเข้าไป ผู้เพาะพันธุ์และเ้จ้าของจึงควรสังเกตอย่างระมัดระวัง ในระหว่างการเรียนรู้เรื่องโภชนาการอาหารสุนัข

     ผลวิจัยแสดงว่าอาหารพวกแป้งมีผลต่อระดับการตอบสนองของน้ำตาลในเลือด หลังกินอาหารและระดับการตอบสนอของอินซูลินจากตับอ่อน การลดระดับการตอบสนองดังกล่าวจะเป็นผลดีมากกว่า เนื่องจากช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และมีพลังงานที่พอเพียง หากคุณนำข้าวมาเป็นแหล่งอาหาร จำพวกแป้งให้สุนัข ปริมาณกลูโคสและอินซูลินของสุนัขจะสูงมาก (ซึ่งไม่ดีเท่าไร) ในขณะที่การให้ข้าวฟ่างเป็นแหล่งอาหารจำพวกแป้ง จะทำให้ระดับการตอบสนองของกลูโคสลดลง (ซึ่งดีกว่า) ส่วนข้าวบาร์เล่ย์จะช่วยลดระดับการตอบสนองของอินซูลินได้ ดังนั้นผู้เพาะพันธุ์และเจ้าของจึงควรให้อาหารสุนัข โดยการผสมคาร์โบไฮเดรตจากข้่าวฟ่างและข้าวบาร์เล่ย์ เพื่อให้ระดับการตอบสนองของน้ำตาลในเลือดและอินซูลินทำงานอย่างเหมาะสม

บทสรุป

     ความหมายหลากหลายของสายพันธุ์ ทำให้เกิดความแตกต่างที่น่าสนใจในด้านโครงสร้าง บุคลิกและความต้องการสารอาหารของสุนัข คุณเองก็ช่วยให้ลูกสุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสารอาหารที่ผ่านการค้นคว้าวิจัยมาอย่างเหมาะสม สำหรับสุนัขแต่ละขนาดและสายพันธุ์ โปรดอย่าลืมว่าสุนัขพันธุ์เล็กและกลาง มักต้องการระดับแคลอรี่มากกว่า เพื่อรองรับอัตราการเผาผลาญอาหารที่สูงกว่า ส่วนสุนัขพันธุ์ใหญ่จะต้องการแคลอรี่และแคลเซียมแค่ปานกลาง ในช่วงเจริญเติบโต และทุกสายพันธุ์ควรได้รับ DHA และสารอาหารที่ช่วยควบคุมระดับการตอบสนองของน้ำตาลในเลือดและอินซูลิน โดยการให้แหล่งอาหารจำพวกแป้งเป็นข้าวฟ่างและข้าวบาร์เล่ย์

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เสริมสร้างลูกสุนัขให้แข็งแรงด้วยโภชนาการที่สมบูรณ์ ตอนที่ 2


สุนัขพันธุ์ใหญ่


     สุนัขยอดนิยมหลายพันธุ์มักจะจะเป็นพันธุ์ใหญ่หรือใหญ่มาก มีน้ำหนักมากว่า 50 ปอนด์ เมื่อโตเต็มที่ และเป็นกลุ่มที่มีผู้สนใจค้นคว้าวิจัยด้านโภชนาการอาหารไว้มากมาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากพันธุ์นี้มีแนวโน้มจะมีปัญหาด้านพัฒนาการของกระดูกนั่นเอง แต่ข่าวดีก็คือปัญหาที่สามารถควบคุมได้ ด้วยการให้อาหารที่มีสารอาหารเหมาะสม ผลการวิจัยแสดงว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ได้รับสารอาหารไม่เหมาะสม ในวัยเด็กจะมีปัญหาด้านกระดูกหลายอย่าง 22% ของสุนัขที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี จะมีปัญหาในการพัฒนาของกระดูก ซึ่งมากกว่า 90% ของสุนัขกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบจากปัญหาโภชนาการ ปัญหาโภชนการในลูกสุนัข ได้แก่

     1. การให้อาหารอย่างอิสระ โดยมีแคลอรี่มากเกินไป
     2. การให้แคลเซี่ยมเสริมในช่วงเจริญเติบโต

     ผลการวิจัยปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีพัฒนาการทางกระดูกที่เหมาะสม ในช่วงเจริญเติบโตได้โดยการให้อาหารที่มีโปรตีน 26% (จากอาหารผลิตจากสัตว์ที่มีคุณภาพดี) ไขมัน 14% แคลเซียม 0.80% และฟอสฟอรัส 0.67% จุดเริ่มต้นของปัญหาการพัฒนากระดูก มักจะสัมพันธ์กับการเติบโตอย่างรวดเร็วของกระดูกชิ้นยาว โรคที่พบมาก ได้แก่ e canine hip dysplasia, osteochondrosis และ hypertrophic osteodystrophy การลดอาหารที่ให้พลังงานสูง และอาหารเร่งการเติบโต จะช่วยให้คุณควบคุมอัตราการเติบโตของลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่ได้ง่ายขึ้น ทำให้อัตราการเติบโตชะลอตัวอยู่ในระดับปานกลาง และสัมพันธ์กับลักษณะการเติบโตตามพันธุกรรมของสัตว์อีกด้วย ผลคือเมื่อโตเต็มวัยแล้ว สุนัขจะมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากเดิม แต่มีโครงสร้างกระดูกที่ดีและรองรับการเติบโตในวัยเด็กได้ดีกว่า

     หากต้องการให้ลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่ได้รับสิ่งที่จำเป็นอย่างเหมาะสม คุณต้องการให้อาหารที่ให้ระดับพลังงานปกติและแคลเซียมต่ำ ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วไป เป็นอาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่นั่นเอง อย่างหนึ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อทั่วไป คือการเพิ่มระดับโปรตีน ไม่ทำให้เกิดปัญหาการเิติบโตของกระดูกหรือข้อต่อ

     แต่อาหารที่แคลอรี่สูงเกินไป     และการให้อาหารอย่างไม่จำกัดต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่กว่า  ความเืชื่ออีำกอย่างที่ว่าอาหารสำหรับลูกสุนัขไม่ดีต่อสุนัขพันธุ์ใหญ๋มาก ก็ได้รับการพิสูจน์ผลการวิจัยแล้วว่าไม่เป็นความจริง

      วันนี้่เราก็ได้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องการเสริมสร้างลูกสุนัขให้แข็งแรงด้วยโภชนาการที่ดี หวังว่าสิ่งนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่ชอบสุนัขนะคะ เลี้ยงดูเขาด้วยความเอาใจใส่ี แล้วเขาจะเติบโตเป็นเพื่อนที่ดีของเราอย่างแข็งแรง

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เสริมสร้างลูกสุนัขให้แข็งแรงด้วยโภชนาการที่สมบูรณ์ ตอนที่ 1


     ไม่ว่าคุณจะหลงไหลสูนัขล่าเนื้อ หมาป่าพันธุ์ไอริชตัวยักษ์ หรือบรัสเซลล์กริฟฟอนตัวจิ๋ว ก็แล้วแต่ โลกนี้มีสุนัขมากมายหลายพันธุ์ให้คุณได้เลือกตามชอบใจ ความหลากหลายสายพันธุ์นี้เอง ที่ทำให้สุนัขน่าสนใจ แต่ก็ทำให้การเลี้ยงเขาให้แข็งแรงสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน ขนาดของแต่ละสายพันธุ์จะเป็นตัวบอกถึงระดับการเผาผลาญอาหาร อัตราการเติบโต และอายุขัยที่ต่างกัน สุนัขชิวาวา หนัก 5 ปอนด์ กับนิวฟาวแลนด์ หนัก 150 ปอนด์ ต่างก็มีพัฒนาการและเติบโตเต็มที่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน แต่แน่นอนว่านิวฟาวแลนด์ ที่ร่างกายใหญ่กว่า 30 เท่าย่อมมีอัตราการเติบโต (น้ำหนักตัวต่อปอนด์ต่อเดือน) และเนื้อเยื่อที่มากกว่าชิวาวา ตัวจ้ัอยอยู่มากโข ดังนั้นในการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง คุณต้องคำนึงถึงความแตกต่างที่ว่านี้ด้วย วัยเด็กเป็นช่วงที่เนื้อเยื่อร่างกายของสุนัขทุกสายพันธุ์เติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือผู้เพาะพันธุ์ก็ต้องไม่ลืมวางแผนการให้อาหารสัตว์ให้ดี เพื่อให้เหมาะสมกับอัตราการใช้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็นของสัตว์ ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าลืมว่าลูกสุนัขก็ต้องการสารอาหารเหมือนสุนัขที่โตแล้ว ต่างกันที่ปริมาณเท่านั่นเอง


สุนัขพันธุ์เล็ก

      จากการสังเกตคุณคงพอทราบว่าสุนัขพันธุ์เล็กจิ๋วทั้งหลาย ต้องการพลังงานต่อน้ำหนักมากกว่า 125 พันธุ์ใหญ่ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะอัตราการเผาผลาญอาหารจะสัมพันธ์กับพื้นผิวร่างกายทั้งหมด และเนื่องจากสุนัขพันธุ์เล็กจะมีสัดส่วนพื้นผิวร่างกายเทียบกับน้ำหนักตัวที่สูงกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ จึงต้องการพลังงานต่อน้ำหนักตัว (ปอนด์หรือกิโลกรัม) ที่มากกว่าด้วย นอกจากนี้สุนัขพันธุ์เล็ก จะมีกระเพาะเล็กกว่า จึงรับอาหารได้ในปริมาณจำกัด อาหารสุนัขที่เหมาะกับสายพันธุ์นี้ จึงควรมีแคลอรี่สูงกว่า และระดับ "ความเข้มข้นของสารอาหาร" มากกว่า ความสามารถในการย่อยได้มากก็เป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม จึงควรเตรียมอาหารที่มีสารอาหารเหมาะสม โดยแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ รูปร่างและขนาดของเม็ดอาหาร ก็ควรเหมาะกับขนาดปากเล็กๆ ของเขา เพื่อช่วยให้เคี้ยวง่าย

            ข้อมูลเี่กี่ยวกับสารอาหารและสุขภาพของสุนัขพันธุ์เล็กและใหญ่ มักจะหาอ่านได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นพันธุ์ขนาดกลาง เช่น บีเกิ้ล สแปเนียล และเฮิร์ดดิ้งแล้วล่ะก็ คุณอาจต้องคอยสังเกตเอาว่าสิ่งที่เขาต้องการน่าจะ "อยู่กึ่งกลาง" แต่ก็ไม่ดีนัก เพราะบางครั้งปัญหาเกี่ยวกับสารอาหารของสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการทางกระดูก ก็อาจเกิดกับสุนัขขนาดกลางได้เป็นบางครั้ง สุนัขขนาดกลางจะต้องการพลังงานในระดับปานกลาง ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ถ้าเป็นสุนัขที่กระฉับกระเฉงว่องไง ก็ควรให้อาหารที่มีแคลอรี่เ้ข้มข้นปากกลาง เม็ดอาหารก็ควรใหญ่ปานกลาง ทั้งนักโภชนการและสัตวแพทย์ได้กำหนดระดับโภชนการและการดูแลสุขภาพให้สุนัขขนาดกลาง รวมทั้งอาหารที่มีสารอาหารเหมาะสมไว้ให้แล้ว แต่ในบางครั้งก็ต้องพิจารณาความต้องการของสุนัขพันธุ์เล็กหรือพันธุ์ใหญ่ประกอบไปด้วย เพราะสุนัขขนาดกลางนั้น "อยู่ตรงกลาง" จริงๆ

              คราวหน้าเราจะมาต่อโภชนาการของสุนัขพันธุ์ใหญ่กันนะคะ

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การลดน้ำหนัก ช่วยป้องกันไม่ให้สุนัขมีขาพิการ



การอ้วนมากเกินไปและขาพิการ

     สุนัขที่อ้วนเกินไป มักจะถูกพิจารณาว่าเป็นโรคทางโภชนาการทั่วไป ซึ่งทำให้เกิดอาการข้า่งเคีัยง และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากอาการข้างเคียงเหล่านี้แล้ว การอ้วนมากเกินไป ยังมีผลต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูกอีกด้วย การมีน้ำหนักมากเกินไป ทำให้ข้อต่อต่างๆ ต้องรับน้ำหนัก แรงกดที่เพิ่มขึ้น และมีอาการบ่งชี้ของโรคไขข้อมากขึ้น แม้ว่าสัตวแพทย์โดยทั่วไปจะแนะนำว่าสุนัขที่มีน้ำหนักมากเกินไป ที่มีอากรบ่งชี้ของโรคกระดูกข้ออักเสบเรื้อรัง ควรได้รับการลดน้ำหนัก เพื่อช่วยลดอาการขาพิการ ซึ่งตามความจริงแล้ว ยังไม่มีการประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการลดน้ำหนัก และการที่สุนัขขาพิการ

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของลูกสุนัข ตอนที่ 2


การเคี้ยว


     ฟันของลูกสุนัขจะขึ้นอยู่ในช่วงอายุประมาณ 3 - 6 เดือน ในช่วงนี้ควรจะให้อะไรเขา เพื่อขบเคี้ยว เพื่อช่วยในการขึ้นของฟัน ลูกสุนัขจะกัดสิ่งของโดยไม่เลือก เขาไม่รู้ว่านั่นคือรองเท้าคู่ที่ดีที่สุดของคุณ  หรือมันคือขาโต๊ะที่เป็นวัตถุโบราณ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากลูกสุนัข

      ขอแนะนำให้หาของขบเคี้ยวที่ไม่แตกหัก หรือเป็นภัยกับลูกสุนัข เพื่อจะขบเคี้ยวเล่น เช่น ลูกบอลยางที่โตและแข็งแรงพอที่เขาจะกลืนไม่ได้ หรืออาจจะเป็นกระดูกเทียม คุณอาจจะให้รองเท้าเก่าๆ หรือวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรองเท้าเหมือนของคน เพราะสุนัขคิดว่าจะเป็นรองเท้าอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพื่อความสนุกสนาน อย่าให้กระดูกจริงทั้งสุกและดิบก็ตาม เพราะกระดูกแตก ทำให้เกิดบาดแผลในปากหรือติดคอ ในขณะที่เขากลืนเศษกระดูกเข้าไป

      หาทางทำให้กระูดูกเทียมและลูกบอลเป็นที่ดึงดูดสำหรับลูกสุนัข โดยที่คุณนำสิ่งเหล่านั้นมาเล่นเกมกับเขา เืมื่อไรก็ตามหากลูกสุนัขเร่ิมจะกัด แทะ สิ่งของที่ต้องห้าม ก็รีบนำกระดูกเทียมหรือลูกบอลให้แทน ออกคำสั่งว่า "อย่า" อย่างขึงขังแ้ล้วนำสิ่งของที่มีค่าออกห่างจากเขา เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกัด แทะของที่เราให้เขา ก็ให้กล่าวชมความประพฤติที่ดี แล้วจะรู้สึกว่าจะมีการตอบสนองอย่างมีความสุข

      ช่วยลูกสุนัขให้อยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นโทษ เป็นต้นว่าน้ำยาทำความสะอาด ทินเนอร์ สารเคมีที่ใช้ในบ้านเรือน และสิ่งของที่มีอันตราย  โดยเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในตู้ที่ล๊อกกุญแจได้

        เห็นไหมค่ะว่าการเคี้ยวของลูกสุนัข ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องฝึกฝนเขาตั้งแต่เล็ก เพื่อเขาจะเป็นสุนัขที่มีระเบียบ และไม่ทำลายข้าวของในบ้าน เมื่อเราฝึกเขาได้แ้ล้ว ก็จะมีความสุขทั้งเจ้าของและลูกสุนัข สิ่งของก็จะไม่เสียหาย

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของลูกสุนัข ตอนที่ 1


ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของลูกสุนัข

     ลูกสุนัขที่ได้มาใหม่จะนำความสุขมาสู่คุณนานหลายปี ในวันข้างหน้าเขาจะมาเป็นสหายที่ใกล้ชิด เพื่อนเล่นที่เป็นมิตร ที่ไว้ใจได้ อย่างไรก็ตาม หากปราศจากความพยายามสิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น คุณควรเริ่มฝึกเขาตั้งแต่ยังเล็กอยู่ เพื่อต้อนรับเขามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ก็เหมือนๆ กับเด็กทารกนั่นเอง ลูกสุนัขที่ได้มาใหม่ ต้องการอาหาร การหลับนอน การเล่น และการฝึกที่สม่ำเสมอ ซึ่งก็หมายความว่าเขาต้องการการดูแลและเอาใจใส่อย่างมาก เราตระหนักดีว่าเจ้าของลูกสุนัขที่มาใหม่มีความผูกพันกันอย่างมาก เราจึงนำท่านและลูกสุนัขมาอยู่ด้วยกัน เพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้อง ซึ่งประกอบด้วยเคล็ดลับเืบื้องต้นเกี่ยวกับในวันแรกที่เขาเข้ามาอยู่ในบ้าน เป็นต้นว่า ที่อยู่อาศัยของลูกสุนัข การเคี้ยว และการฝึกในบ้าน เป็นต้น


ที่อยู่ของลูกสุนัข

     ลูกสุนัขต้องการที่อยู่ที่เป็นส่วนตัว หากล่อง หรือที่นอนสำหรับสุนัขไว้ในคอกที่อบอุ่น และมีมุมที่ไม่มีลมโกรก (กรงสุนัขที่ใช้ในเวลาการเดินทางจะได้เปรียบ เพราะสามารถนำมาใช้ได้ตลอดอายุขัยของเขา ถ้าจะซื้อมาใช้ ต้องให้มีขนาดใหญ่พอ เมื่อเขาโตเต็มที่)  เขาจะได้ใช้กรงเป็นสถานที่พักผ่อนนอนหลับและรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ

     เอากล่องกระดาษหรือกล่องไม้วางด้านข้างลง ทำเป็นเตียงนอนที่มิดชิด เขาก็จะยิ่งรู้สึกปลอดภัย เหตุผลก็คือว่าบรรพบุรุษซึ่งคล้ายหมาป่าของเขาเคยอาศัยถ้ำเป็นบ้านพัก โดยสัญชาตญาณลูกสุนัขก็จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในที่ที่คล้ายกับถ้ำ อาจจะปูพื้นด้วยผ้าเช็ดตัว หรือผ้าห่มเก่าๆ ที่อยู่ของเขาก็จะสมบูรณ์แบบ

     เมื่อเขาอยู่ในที่ของเขา อย่าได้รบกวนหรือดึงตัวเขาออกมา ควรให้เขาออกมาเอง อย่าให้เด็กๆ รบกวนหรือเย้าแหย่เขาเล่น เขาต้องการความรู้สึกปลอดภัย ถ้าเขาอยู่ในที่ของเขา อย่ากักขังเขาในกรงเป็นเวลานานๆ ถ้าเขาทำอะไรผิด ก็อย่าได้ไล่เขาเข้าไปในกรง การทำอย่างนั้นจะทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นที่ทำโทษเขา แทนที่จะเป็นสถานที่พักที่มีความสุขสบาย คุณควรจะรู้สึกสบายใจที่ลูกสุนัขมีที่ของตัวเอง เขาจะได้งีบหรือขดตัวนอนอย่างมีความสุขตลอดคืน โดยไม่เห่าหรือร้องคราง และคุณก็รู้ว่าเขาจะไม่ก่อความเดือดร้อนให้ แม้คุณจะไม่คอยเฝ้่าดูเขาก็ตาม

     ควรหน้าเราจะมาต่อเรื่องการเคี้ยวของเขา การดูแลลุกสุนัขเบื้องต้น ต้องดูแลอย่างเอาใจใส่ อย่าท้อแท้ อย่าตามใจเขา เดี๋ยวโตขึ้น เขาจะเป็นสุนัขที่ไม่เป็นระเบียบ แล้วเราจะเดือดร้อนเองนะคะ

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การฝึกลูกสุนัขเบื้องต้น ตอน 4

รอ

     เวลาเราสั่งให้ "รอ" ควรใช้ระดับเสียงที่แตกต่างออกไป ในขณะที่สั่งให้นั่ง หมอบ และเดินชิด ให้ใช้เสียงที่หนักแน่น มีอำนาจ แจ่มใส ส่วนคำสั่งให้นั่ง  เสียงควรให้ยาวและช้า

     ให้ลูกสุนัขของคุณนั่งอยู่ข้างตัวคุณ ยื่นมือขวาให้อยู่หน้าเขา โดยหันฝ่ามือเข้าหาลูกสุนัข อย่าให้ลูกสุนัขตกใจ เพราะการให้สัญญาณด้วยมือแบบทันทีทันใด ควรจะเคลื่อนที่แบบค่อยๆ และสม่ำเสมอ แต่ก็ยังให้มือของคุณอยู่หน้าเขา พร้อมพูดว่า "รอ" ในขณะเดียวกัน ก็เดินไปยืนอยู่หน้าลูกสุนัขอย่างเงียบๆ จับปลอกคอชนิดโซ่ให้แน่น ในกรณีที่ลูกสุนัขไม่ยอมรอ แต่จะไปที่อื่น ถ้าเขาลุกขึ้น ให้พูดว่า "หยุด นั่งรอ" ในขณะที่ทำ ให้เขากลับไปอยู่ในท่ารอ จุดประสงค์ในขณะนี้ คือ ทำให้ลูกสุนัขอยู่ในท่ารอ จุดประสงค์ในขณะนี้คือทำให้ลูกสุนัขอยู่ในท่ารอ นานราว 5 - 10 นาที นานพอที่คุณจะเดินจากเขาไป แล้วยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นเวลา 2 - 3 วินาที และกลับมาอยู่ข้างๆ เขา ถ้าเขาสามารถทำตามคำสั่งได้ดี คุณควรที่จะกล่าวคำชมเขา ให้ค่อยๆ เพิ่มเวลาที่จะทำให้ลูกสุนัขอยู่ในท่า "รอ" เมื่อเขาอยู่ในท่า "รอ" อย่างคงเส้นคงวา โดยไม่ต้องอาศัยวิธีกายภาพจากคุณ ให้เริ่มอยู่ห่างจากลูกสุนัขมากขึ้น โดยก้าวถอยหลังให้ยาวเต็มที่ ในแต่ละครั้งให้ใช้สัญญาณมือพร้อมกับออกคำสั่งต่อไป เพื่อที่ลูกสุนัขของคุณจะเรียนรู้ทั้งสองสิ่งร่วมกัน หรือจะเป็นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็รู้ว่าต้อง "รอ" อย่าฝึกให้เร็วจนเกินไป หากเขาทำได้สำเร็จ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน ก็ต้องกล่าวชมทุกครั้ง


ข้อแนะนำในการฝึกลูกสุนัข

     ทำตามกำหนดการ ให้กำหนดการเวลาในการฝึกลูกสุนัข และทำตามเวลาที่กำหนดแน่นอนวันละ 2 ครั้ง เวลาในการฝึกควรให้สั้น เร่ิมจากการฝึกครั้งละ 5 - 10 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาการฝึกให้นานขึ้น ต้องสม่ำเสมอเวลาออกคำสั่งเดียวกัน ให้ใช้คำและน้ำเสียงเดียวกันทุกครั้ง หากคุณพูดว่า "มานี่ไข่ต้ม" ด้วยน้ำเสียงที่สดใส และเข้าใจในระหว่างการฝึก ในการฝึกครั้งต่อไป อย่าเปลี่ยนเป็น "มานี่ไข่ต้ม" ด้วยน้ำเสียงที่แสดงอำนาจ ในการฝึกครั้งต่อไป เพราะไข่ต้มจะเกิดความสับสนและอาจจะไม่ตอบสนองในสิ่งที่คุณต้องการ  น้ำเสียงต้องมั่นคง ลูกสุนัขรู้ว่าเราไม่ได้ทำแบบเล่นๆ ให้ทำแบบเอาจริงเอาจัง เพื่อให้เขารู้ว่าเขาต้องทำแบบเอาจริงเอาจังเช่นเดียวกัน อย่าให้อาการขี้เล่น หรือนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เศร้าสร้อย ทำให้คุณใจอ่อน ต้องอดทนหากลูกสุนัขของคุณไม่เป็นนักเรียนที่ปราดเปรื่องในตอนต้น ก็อย่าผิดหวังในตัวเขา ลูกสุนัขจะรู้ว่าคุณโกรธหรือขาดความอดทน ซึ่งจะทำให้เขากังวล เขาจะรู้สึกกระวนกระวายเกี่ยวกับการฝึก และสิ่งนั้นจะทำให้คุณและลูกสุนัขยุ่งยากมากขึ้น ถ้ารู้สึกหงุดหงิด ควรจะเลื่อนการฝึกออกไป

     ต้องตอบสนองทันทีให้ใช้คำยกย่องหรือทำการแก้ไขโดยทันที ที่ลูกสุนัขของคุณตอบสนองต่อคำสั่ง หากเขามาตามคำสั่ง ให้ชมเขาอย่างเต็มที่ในทันทีที่เขาไปหาคุณ หรือแม้แต่เข้าไปหาโดยห่างจากจุดหมายถึง 2 ฟุต และต้องกระตุกสายจูงเล็กน้อย เพื่อให้เขาทำตาม การแก้ไข ให้ใช้คำสั้นและห้วนว่า "อย่า" อย่าตีลูกสุนัขที่ผ่านการฝึกมาดี ควรที่จะตอบสนอง เพราะเขาอยากจะทำให้เจ้านายของเขาพอใจ ไม่ใช่เป็นเพราะเขากลัวนายของเขา

     ให้คงไว้ซึ่งอัธยาศัยที่ดีให้การสิ้นสุดการฝึกแบบมีความสุขเสมอ เพื่อที่ทั้งคุณและลูกสุนัขของคุณจะรู้สึกพอใจในตัวคุณและพอใจซึ่งกันและกัน การที่จะฝึกให้ประสบความสำเร็จ ลูกสุนัขของคุณต้องมีท่าทีในทางบวกเกี่ยวกับการฝึก และ่่ท่าทีของเขาย่อมขึ้นอยู่กับคุณโดยสิ้นเชิง

     เป็นไงกันบ้างค่ะ การฝึกลูกสุนัขไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าเราฝึกเขาด้วยความเอาใจใส่ ฝึกด้วยความรัก และต้องจริงจัง เพื่อจะได้ประสบกับความสำเร็จ และเขาจะเป็นลูกสุนัขที่น่ารักของคุณตลอดไป

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การฝึกลูกสุนัขเบื้องต้น ตอน 3

นั่ง

     "นั่ง" บางครั้งอาจจะสอนโดยมไ่ต้องอาศัยวิธีกายภาพ ให้ยื่นมือข้างใดข้างหนึ่งเหนือศีรษะของลูกสุนัข และให้นิ้วแนบชิดติดกัน ราวกับมีของอยู่ในมือ ลูกสุนัขของคุณจะสนใจมือของคุณ และจะจ้องมองดู ในขณะที่เขามองดู ให้หดมือกลับคืนเหนือศีรษะของลูกสุนัข การมองมือที่หดกลับ อาจทำให้เขานั่งลง ถ้าเขานั่งลง ก็ให้พูดว่า "นั่ง"

      ถ้าลูกสุนัขของคุณไม่ตอบสนองต่อวิธีที่ไม่อาศัยวิธีกายภาพ ให้ช่วยเขาเล็กน้อย ให้ผูกสายจูงเข้ากับปลอกคอลูกสุนัขของคุณ และใช้สิ่งนี้ เพื่อให้เขาอยู่ใกล้คุณ ให้ค่อยๆ ดันส่วนท้ายของลูกสุนัขลง และดึงสายจูงขึ้นมาเล็กน้อย และพูดว่า "นั่ง"

     ตอนนี้ลูกสุนัขของคุณรู้ว่าจะ "นั่ง" อย่างไร?  การหมอบจึงไม่ยากจนเกินไปสำหรับเขา ให้ลูกสุนัขฝึกด้วยวิธีทั้งสอง ในขั้นสุดท้าย ก็คือ ต้องกล่าวชมลูกสุนัขของคุณ เมื่อเขานั่งลงตามคำสั่ง อย่าใช้ของว่างหรือสินจ้างรางวัล การยอมรับและคำชมเชย เป็นส่ิงที่ช่วยส่งเสริมที่ดีที่สุด


หมอบ

   ตอนนี้ลูกสุนัขขอบคุณรู้วิธีนั่งลงแล้ว ซึ่งไม่น่าจะยากเย็นสำหรับเขา ให้ลูกสุนัขของคุณอยู่ในท่านั่ง (ซึ่งคงเป็นคำสั่งของคุณ) แล้วโน้มตัวโดยอยู่ชิดติดตัวเขา ให้เลื่อนอุ้งเท้าหน้าของเขาไปข้างหน้า ในขณะที่กดไหล่ของเขาอย่างนุ่มนวล จนกระทั่งเขาอยู่ในท่าหมอบ เมื่อเขาอยู่ในท่าดังกล่าว ให้พูดคำว่า "หมอบ" ให้เขาอยู่ในลักษณะนั้น โดยใช้มือกดที่ไหล่ เป็นเวลา 2 - 3 วินาที แล้วทำการสั่งให้หมอบอีกครั้งหนึ่ง

     ในขั้นสุดท้าย เมื่อเขาทำได้ถูกต้อง ควรกล่าวยกย่องเขาเสมอ หรือแม้ว่าเขาจะอยู่ในท่าั้นั้น เนื่องจากคุณใช้มือกดที่ไหล่ของเขาก็ตาม ในไม่ช้า เขาจะรู้ว่าคุณต้องการให้เขาทำอย่างนั้น


เดินชิด

     เมื่อลูกสุนัขของคุณเข้าใจเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้แล้ว ก็ให้สอนเขาเดินชิด โดยให้อยู่ทางซ้ายมือของคุณ ในสายจูงที่ไม่ดึง ถ้าคุณเคยให้ลูกสุนัขของคุณอยู่ในสายจูงมาก่อน เขาควรพร้อมจะเดินไปกับคุณ โดยไม่ขัดขืนหรือไม่เต็มใจ

     เริ่มฝึกลูกสุนัขของคุณจากท่านั่ง โดยอยู่ข้างซ้ายมือของคุณ ให้พูดว่า "เดิน" แล้วออกเดิน โดยเริ่มจากการยื่นเท้าซ้ายออกไป การกระตุกสายจูงค่อยๆ จะทำให้ลูกสุนัขของคุณออกเดินกับคุณ หากลูกสุนัขของคุณเดินเร็ว หรือเดินไกลจนเกินไป หรือล้าหลัง ให้กระตุกอย่างเร็ว เพื่อให้เขามาอยู่ข้างตัวคุณ พยายามเดินในความเร็วที่คงที่ และในทิศทางเดิน เมื่อไรก็ตามที่ลูกสุนัขของคุณไม่อยู่ในท่าเดินชิด ให้ใช้วิธีกระตุก เพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง และให้กล่าวยกย่องเขาอย่างเต็มที่ ถ้าเขาเดินชิดได้อย่างถูกต้อง

     ในตอนแรกที่คุณฝึกลูกสุนัขของคุณให้เดินชิด เขาอาจจะวิ่งนำหน้า หรือเดินล้าหลัง เมื่อเป็นเช่นนั้น ปลอกคอชนิดโซ่อาจจะรัดแน่นจดอึดอัด แล้วถ้าเขายังไม่กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ข้างตัวคุณ การกระตุกแบบค่อยๆ เพื่อให้กลับเข้าที่ เป็นสิ่งที่ควรทำ เมื่อลูกสุนัขของคุณเรียนรู้คำสั่ง ให้ลองเพิ่มเติมการเดินในรูปเลขแปด เดินลัดเลาะไปมาระหว่างต้นไม้ ให้เดินหมุนกลับทางซ้ายและขวา ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้สุนัขของคุณสนใจ และมีความสุข ให้ขัดจังหวะการเดิน โดยหยุดสนิท แล้วพูดว่า "นั่ง" เริ่มจากการสั่งให้นั่งเป็นเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นก็สั่งให้เดินชิด แล้วเริ่มเดินอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเรียนได้ไม่กี่ครั้ง ลูกสุนัขของคุณควรจะนั่งโดยอัตโนมัติ ให้กล่าวชมเขามากๆ ในขณะที่ฝึกหัดบทเรียนนี้

     คราวหน้าเราจะมาต่อการฝึกหัดลูกสุนัขอีก  หวังว่าสิ่งเหล่านี้คงเป็นประโยชน์กับทุกท่านบ้างนะคะ เราจะได้สุนัขที่น่ารัก และเขาจะอยู่กับเรานานๆ ไม่ใช่เป็นสุนัขที่เอาแต่ใจตัวเอง สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ถ้าฝึกหัดอยู่เป็นประจำ คงเป็นประโยชน์สำหรับเขาในอนาคต เหมือนเราฝึกลูกๆ ของเรานั่นเอง

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การฝึกลูกสุนัขเบื้องต้น ตอน 2


สอนลูกสุนัขของคุณให้รู้จักชื่อของเขา

     ขั้นแรกสอนให้ลูกสุนัขจำชื่อของเขา โดยเรียกบ่อยๆ ขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่สดใส และมีชีวิตจิตใจ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจของเขา  ให้ทำอย่างนี้ในขณะที่เล่นกับเขา และก้มลงจะเล่น หรือขณะที่คุณกำลังจะวางชามอาหารของเขาลง ในไม่ช้าเขาจะเข้าใจเวลาคุณหรือใครก็ตามที่เรียกชื่อของเขา ย่อมหมายถึงเขา เริ่มทำการสื่อสาร โดยไม่อาศัยคำพูดตั้งแต่แรก โดยอาศัยส่งทางสายตากับลูกสุนัขของคุณ เรียกชื่อของเขา เมื่อเขาหันหลังสบตา กล่าวคำชมเชยเขาอย่างสุดจิตสุดใจ เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา โดยให้เขามองที่ตาของคุณ (ใช้มือทั้งสองป้องตา จะช่วยได้) ให้ทำอย่างนั้นนานเท่าที่คุณจะทำได้ และกล่าวชมเขาตราบเท่าที่เขาจ้องมองที่ตาคุณ ในไม่ช้าลูกสุนัขจะเริ่มจ้องมาที่ตาคุณ และเขาจะหัดตีความหมายการมองของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการมองแบบยิ้มๆ เพื่อให้รู้ว่าเห็นด้วย หรือการจ้องที่ขึงขัง ซึ่งหมายความว่าไม่เห็นด้วย


ปลอกคอและสายจูง

     ฝึกให้ลูกสุนัขของคุณเคยชินกับปลอกคอและสายจูง เริ่มจากใช้ปลอกคอที่แคบและอ่อนนุ่มก่อน และให้เขาใส่เป็ฯประจำ จนกว่าจะเกิดความเคยชิน แล้วค่อยเอาโซ่ที่เบาติดเข้ากับปลอกคอให้ยาวจนลากดิน แล้วปล่อยให้เขาลากไปมาเป็นเวลาหลายวัน วิธีการต่อไป ก็คือให้จับปลายข้างโซ่ขึ้นมา โดยไม่ให้มันตึง ดึงให้ตรง แล้วเดินล่อลูกสุนัขของคุณด้วยคำหวาน เพื่อให้เดินตามคุณ ถ้าเขาเดินไม่ทันหรือวิ่งนำหน้าคุณ ให้กระตุกสั้นๆ และเบาๆ ควรจะเดินไปพร้อมๆ กัน เพื่อทำให้ลูกสุนัขไม่รู้สึกว่าเป็นการนำที่ล้ำหน้าเกินไป และไม่เริ่มคิดว่าเป็ฯการบังคับที่ไม่สบายเลย ในช่วงนี้คงเพียงพอ แต่คุณสามารถฝึกลูกสุนัขได้จริงจังกว่านี้ เมื่อเขามีอายุมากขึ้น และประสบการณ์ในระยะแรกในสายจูงจะเป็นพื้นฐานที่ดี


ปลอกคอชนิดโซ่

     ในระหว่างการฝึกลูกสุนัข ควรต้องใส่ปลอกคอชนิดโซ่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องด้วย สายจูงชนิดนี้ คุณสามารถกระตุกสั้นๆ และเร็ว เพื่อเตือนเขาว่าเขากำลังทำผิด ถ้าเราใช้ปลอกคอชนิดโซ่อย่างถูกต้อง ก็จะไม่ทำให้เขาเกิดอันตราย เพื่อการสวมปลอกคอชนิดโซ่อย่างถูกต้อง ให้ถือสายจูงด้วยมือขวาของคุณ ขยายบ่างให้ใหญ่ขึ้น แล้วสวมห่วงลงบนคอสุนัข โดยให้ห่วงห้อยลง ถ้าห่วงไม่ห้อยลง โซ่จะไม่หย่อน เมื่อปล่อยอาจจะทำให้สุนัขเกิดอันตรายได้

     ในช่วงอายุ 5 - 6 เดือน คุณสามารถเริ่มฝึกแบบเอาจริงเอาจัง ในเนื้อหาถัดไป คุณจะเรียนรู้วิธีสอนลูกสุนัขของคุณให้เชื่อฟังคำสั่งพื้นฐาน เช่น "ชิด"  "นั่ง"  "หมอบ"  "คอย"  มีหนังสือคู่มือฝึกสุนัขดีๆ อยู่จำนวนมาก และคุณควรศึกษาจากหนังสือสักเล่มหนึ่ง เพื่อฝึกสุนัขของคุณให้เลยขั้นพื้นฐาน หากคุณไม่มีเวลาศึกษาวิธีฝึกสุนัข ก็ควรนำเขาไปสมัครที่ศูนย์ฝึกสุนัข

     ครั้งต่อไปเราจะมาคุยกันเรื่องการฝึกสุนัขขั้นพื้นฐาน 

การดูแลสุนััขของเรา

          การเลี้ยงดูสุนัขจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย อยู่ที่การดูแลเอาใจใส่ เห็นมีหลายๆ คนที่เริ่มลงมือเลี้ยงสุนัข ส่วนใหญ่เพราะเห็นเป็นสัตว์ที่น่ารัก เพราะตอนที่เขาเล็กๆ เราจะรู้สึกว่าเราน่ารัก น่าเลี้ยงดู แต่เมื่อนานๆ ไป ส่วนใหญ่จะเป็นภาระของผู้ปกครองมากกว่า ที่จะทำการเลี้ยงดูให้ มีหลายคนที่นำลูกสุนัขมาเลี้ยงได้ระยะหนึ่ง เมื่อเขาโตขึ้น ส่วนใหญ่ความอยากเลี้ยงก็หมดไป เราควรจะแนะำนำเด็กๆ หรือคนที่ต้องการเลี้ยงให้รู้ถึงคุณค่าทางจิตใจของสุนัขด้วยเหมือนกัน เพราะเขาก็มีจิตใจที่ต้องการการเอาใจใส่อย่างตลอดรอดฝัง ไม่ใช่เห็นแค่ความน่ารักประเดี๋ยวประด๋าว การดูแลสุนัขนั้นไม่มีอะไรยาก ถ้าเราต้องการทำจริงๆ เสมือนเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา เพราะสุนัขที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ จะเป็นสุนัขที่น่ารัก เลี้ยงง่าย แต่บางครั้งถ้าเราเอาใจใส่มากเกินไป ตามใจมากเกินไป สุนัขก็เสียได้
          ที่บ้านของดิฉันเป็นตั้งแต่จำความได้ ก็เป็นบ้านที่เลี้ยงดูสุนัขมาตลอด มีเลี้ยงหลายสายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก และสุนัขพื้นบ้านธรรมดาๆ ไม่ได้เลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ต่างประเทศ แต่ถ้าถามใจจริงแล้ว ก็อยากจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์มากกว่า เพราะดูแลง่าย พาไปไหนมาไหนสะดวกสบายกว่าพันธุ์ใหญ่ๆ สมัยปัจจุบันนี้ดีหน่อยตรงที่ บางสถานที่เราสามารถนำสุนัขไปเที่ยวกับเราได้ เพราะเมื่อก่อนจะไม่มี บางโรงแรมจะห้ามนำสุนัขเข้าไป บางห้างก็จะไม่ให้นำสุนัขเข้าไป แต่ปัจจุบันนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป เราไปตามสถานที่ต่างๆ ก็จะเห็นว่าสังคมเปิดกว้างขึ้น สามารถนำสุนัขเข้าไปได้แม้กระทั่งร้านอาหาร แต่ต้องเป็นร้านที่รักสุนัขด้วยกันถึงจะพาเข้าไปได้
            กิจการที่เกี่ยวข้องกับสุนัขก็มีมากมาย เราจะเห็นได้ว่ามีหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านขายอาหารสัตว์ที่เพิ่มรูปแบบมาเป็นการขายอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เรารัก ร้านสปาสำหรับสัตว์เลี้ยง โรงแรมสำหรับรับฝากสัตว์เลี้ยง และยังมีอื่นๆ อีกมากมาย เคยคุยกันระหว่างครอบครัว ยังอยากจะทำร้านขายอาหารสัตว์ที่ครบวงจร มีสตูิดโอสำหรับให้สัตว์มาถ่ายรูปได้ คงเป็นกิจการที่รุ่งเหมือนกันนะเนี้ย
            แต่ยังไงก็ตามสิ่งที่อยากบอกกับทุกคนที่เลี้ยงสัตว์ ก็คือให้ความรักและเอาใจใส่พวกเขา เหมือนเขาเป็นหนึ่งในบ้าน อย่างให้เหมือนหลายๆ ครอบครัวที่เอาเขามาเลี้ยงตอนเล็ก พอเขาโตขึ้น ไม่อยากเลี้ยง ก็นำไปทิ้ง ไปปล่อยไว้ที่วัด ดูแล้ว เห็นแล้วก็สะท้อนใจ เคยดูรายการทีวี เห็นมีสุนัขพันธุ์ต่างประเทศด้วยซ้ำ ที่พอเขาไม่สบาย ไม่น่ารักเหมือนเดิมก็พาเขาไปปล่อย
            จากที่เคยเลี้ยงดูสุนัขมาตลอดชีวิต เห็นถึงพัฒนาการของพวกเขา เห็นถึงความรักที่พวกเขาแสดงต่อเรา คิดว่าเป็นสิ่งที่ื่สื่อสารกันได้ บางครั้งเรายังมาไม่ถึงตัวบ้านด้วยซ้ำ แค่ได้ยินเสียงรถของเรา เขาก็เตรียมต้อนรับอยู่ไกลๆ แล้ว เห็นหลายคนเคยพูดว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่ภักดี ก็อยากให้พวกเราที่ชอบเลี้ยงสุนัขทั้งหลาย ได้ใส่ใจในสิ่งนี้ ก่อนจะนำเขามาเลี้ยง ถามใจตัวเองดูก่อนว่า.-
                  1. เราสามารถเลี้ยงดูเขาได้ตลอดชีวิตของเขาหรือเปล่า
                  2. เอาเขามาแล้ว เราจะเป็นภาระสำหรับผู้อื่น ผู้ปกครองเราไหม
               3. เราสามารถรักษาสิ่งแวดล้อมได้แค่ไหน ไม่ใช่ว่าพาเขาไปทำธุระส่วนตัว ก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนหรือเปล่า
              ถ้าเราทำได้อย่างนี้ โลกคงน่าอยู่เยอะกว่านี้แน่นอน   วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ   แล้วจะมาคุยถึงเรื่องอื่นๆ เีกี่ยวกับสุนัขที่น่ารักของเราให้ฟังใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การฝึกลูกสุนัขเบื้องต้น ตอน 1

      เมื่อเราเริ่มที่จะเอาสุนัขมาเลี้ยงแ้ล้ว เราควรจะเริ่มต้นฝึกเขาทันที เริ่มจากการให้อาหารเขาเป็นเวลา และพาออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยๆ ถ้าหากคุณเลี้ยงลูกสุนัขของคุณด้วยอาหารของลูกสุนัขยูคานูบาหรืออามส์สำหรับลูกสุนัข จะพบว่าเวลาในการฝึกจะสั้นลง เนื่องจากการให้อาหารและการขับถ่ายจะเป็นกิจวัตร

     จะมีสิ่งบอกเหตุ ซึ่งคุณต้องสังเกตว่าถึงเวลาที่จะต้องนำลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน ในกรณีที่ลูกสุนัขเดินไปตามพื้นเป็นรูปวงกลม นั่ง หรือร้องครางอยู่ที่ประตู หรือถ้าคุณมองเห็นสุนัขของคุณมองคุณด้วยสายตาวิงวอน และกระวนกระวาย นั่นแสดงว่าเป็นเวลาที่คุณควรจะนำเขาออกไปข้างนอก

     หลังจากที่ลูกสุนัขปัสสาวะเสร็จ ให้ชมเขาอย่างเงียบๆ แล้วนำเขาเข้ามาในบ้าน ในไม่ช้าเขาก็จะเชื่อมโยงการปัสสาวะนอกบ้านกับคำชมเชยของคุณ

เมื่อไรถึงจะพา่ลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน
1. หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเล็กน้อย สำหรับลูกสุนัขส่วนใหญ่
2. หลังจากการงีบของเขา หรือ หลังจากกลับบ้านมาหาเขา ซึ่งปล่อยให้เขาอยู่โดยลำพัง
3. หลังอาหารโดยทันที
4. หลังจากที่คุณจะพักผ่อน เมื่อไรก็ตามที่ลูกสุนัขจ้องมองคุณ

     แล้วเขาก็จะกระตือรือร้นที่จะเอาใจคุณ บางครั้งอาจจะพบว่ามีการขับถ่ายเลอะเทอะ คุณก็ไม่ควรขึ้นเสียงหรือตบตีเขา หรือจับเขาดมส่ิงที่เขาัขับถ่ายออกมา ในขณะที่เขาอาจจะหมอบคุดคู้ด้วยความหวาดกลัว เขายังเล็กเกินไปที่จะโดนการดุว่าในเรื่องการขับถ่ายที่เลอะเทอะ ถ้าคุณพบเขากำลังถ่ายอยู่ ก็จงรีบนำเขาออกไปนอกบ้าน เพื่อให้เขาขับถ่ายจนสุด แล้วให้กล่าวชมในความพยายามของเขา

     การทำความสะอาดสิ่งที่ขับถ่ายที่เลอะเทอะ สารดับกลิ่นและสารขับไล่แมลงจะช่วยได้มาก อย่าใช้สารทำความสะอาดที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนผสม แม้ว่าในทางเคมีแอมโมเนียและยูรีน จะมีส่วนคล้ายคลึงกัน เมื่อทำความสะอาด ควรจะต้องให้แห้งสนิท หาไม่แล้วลูกสุนัขของคุณจะกลับมาสูดดมกลิ่นที่ทำให้เลอะเทอะ อาจจะถูกกระตุ้นให้ทำความเลอะเทอะอีก

     ครูฝึกสุนัขอาชีพส่วนใหญ่จะแนะนำว่าลูกสุนัขที่มีอายุ 5 - 6 เืดือน เป็นอายุที่เหมาะสมที่สุด ที่จะเริ่มนำไปฝึกอย่างจริงจัง ขอแนะนำให้เข้าฝึกเชื่อฟังคำสั่งสำหรับลูกสุนัข ซึ่งจะได้ฟังข้อคิดเห็นและความซาบซึ้งในการฝึก อย่างไรก็ตามคุณสามารถเริ่มฝึกหัดลูกสุนัขเล็กน้อยตั้งแต่วันแรกที่ได้ลูกสุนัขมา

     เป็นอย่างไรบ้างค่ะ สำหรับเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการดูแลสุนัขที่เรานำมาเลี้ยง การฝึกฝนเบื้องต้น เป็นงานที่ท้าายเหมือนกันใช่ไหมค่ะ เพราะเราต้องดูแลเขาเสมือนเขาเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าพื้นฐานการฝึกตั้งแต่แรกเสียไป รับรองได้ว่าสุนัขของคุณเป็นสุนัขที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยแน่นอน เพราะเขาจะทำเลอะเทอะไปทั้งบ้าน เพราะสุนัขเขาจะชอบปัสสาวะ เพื่อสร้างอาณาจักร เริ่มฝึกเขาตั้งแต่ได้เขามานะคะ เพื่อความสบายของคุณในอนาคตข้างหน้า แล้วจะนำบทความดีๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงสุนัข

     การเลือกและดูแลลูกสุนัขแรกเกิดถึงหย่านม การนำลูกสุนัขมาเลี้ยงนั้น อายุที่สมควรจะนำมาเลี้ยงนั้น ควรเป็นอายุประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ เพราะลูกสุนัขจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคที่สำคัญ ที่ทำให้ลูกสุนัขเสียชีวิตอยู่บ่อยๆ มาเรียบร้อยแล้ว คือ โรคลำไส้อักเสบจากไวรัส และโรคหัด ซึ่งถ้าลูกสุนัขได้รับเชื้อไว้รัสเหล่านี้ และไม่มีภูมิคุ้มกันพอ และเมื่อแสดงอาการของโรคแล้ว มากกว่า 90% ของลูกสุนัขจะตาย โดยเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรก ที่อายุ 6 สัปดาห์ และต่อจากนั้นคุณหมอจะแนะนำโปรแกรมที่ถูกต้องให้แก่เจ้าของเอง นอกจากนั้นลูกสุนัขที่มีอายุขนาด 6 - 8 สัปดาห์ นี้จะไม่โตหรือเล็กเกินไป จะยอมรับเจ้าของใหม่ได้ง่าย และเริ่มหย่านมได้แล้ว

     สรุปได้ว่าอายุสุนัขที่ควรนำมาเลี้ยง ควรจะอยู่ระหว่าง 2 - 3 เดือน การเลือกลูกสุนัขก็มีหลักการง่ายๆ อยู่ว่าให้ดูลูกสุนัขที่ร่าเริง ดวงตาแจ่มใส ควรจะลองบีบบริเวณจมูกเบาๆ ดูว่าน้ำมูกที่ออกมาใสหรือข้น โดยปกติเขาก็จะมีน้ำใสๆ อยู่แล้ว และจมูกเปียกชื้น ส่วนผิวหนังก็ให้ดูว่ามีโรคผิวหนังใดๆ หรือตุ่ม หรือจุดเลือดออกหรือไม่ ลูกสุนัขอายุเท่านี้จะต้องมีการฉีดวัคซีนมาแล้ว 1 ครั้ง ดังนั้นคุณจะต้องขอใบรับรองการฉีดวัคซีน ซึ่งควรจะอยู่คู่กับตัวลูกสุนัข และต้องมีลายเซ็นต์ของสัตว์แพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบการบำบัดโรคสัตว์อย่างถูกต้อง รับรองอยู่ด้วย

     การให้อาหารนั้น ลูกสุนัขยังไม่หย่านม ก็ยังคงต้องให้นมอยู่ และควรจะเป็นนมผงที่ผลิตสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เพราะจะมีส่วนประกอบวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็นในปริมาณ และอัตราส่วนที่เหมาะสม ลูกสุนัขของคุณอาจจะท้องเสีย เนื่องจากมีปัญหาในการย่อยน้ำนมที่คุณให้เขาได้ ทางแก้ก็คือให้งดน้ำนมชั่วคราว และให้น้ำเกลือแร่แทน หรือลองเปลี่ยนยี่ห้อ หรือชนิดของนมอยู่ เช่น เปลี่ยนเป็นนมถั่วเหลือง เป็นต้น งดน้ำนม แล้วให้น้ำเกลือแร่แทน นอกจาในรายที่เป็นรุนแรง เช่น ท้องเสียมากกว่า 1 วัน จึงจะต้องนำไปหาสัตวแพทย์

     การอาบน้ำและการดูแลทำความสะอาด การอาบน้ำสุนัขก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่ระวังอาจทำให้เขาป่วยได้ เพราะอุณหภูมิร่างกายสุนัขนั้นสูงกว่าคนเรา น้ำที่เราคิดว่าเย็นไม่มาก อาจจะเย็นเกินไปสำหรับสุนัข จึงควรอาบน้ำให้เขาในช่วงกลางวัน ขณะที่น้ำและอากาศไม่เย็นมาก หลังจากอาบเสร็จ ให้เช็ดตัวสุนัขให้แห้ง ถ้าเป็นสุนัขที่ขนยาว ก็อาจใช้เครื่องเป่าผม เพื่อช่วยให้สุนัขไม่หนาวมากเกินไป ถ้าทำความสะอาดขนของเขาเป็นอย่างดี อาจไม่ต้องอาบน้ำบ่อยก็ได้ ควรถูกสบู่ เมื่อขนของเขาสกปรกมาก มีกลิ่นตัว หรือมีหมัดเท่านั้น อย่าอาบน้ำให้เขาเกินสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง เพราะถ้าอาบบ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวหนังของสุนัขแห้งและคัน ซึ่งจะมีปัญหาโรคผิวหนังตามมา และในขณะอาบน้ำ ควรระวังน้ำเข้าหูสุนัขด้วย

     การเลือกแชมพูอาบน้ำที่เหมาะสม สำหรับผิวของสุนัขเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกที่ทำจากส่วนผสมที่ไม่ระคายเคืองต่อผิวและตาของสุนัข แชมพูสำหรับลูกสุนัขควรอ่อนโยนเช่นเดียวกับแชมพูเด็ก เพราะลูกสุนัขมีผิวที่บอบบางมาก สุนัขที่มีกลิ่นตัว ควรใช้แชมพูที่ช่วยขจัดกลิ่นตัว และให้เขามีกิล่นสะอาดสดชื่นขึ้น ถ้าสุนัขมีขนสั้น ให้ใช้แชมพูที่ไม่ระคายเคืองผิวและตา แต่ถ้าเป็นสุนัขขนยาว ให้ใช้แชมพูที่มีครีมนวด เพื่อช่วยให้ขนของเขาเงางามและสลวยขึ้น