วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การทำคลอดสุนัข




การทำคลอดสุนัข


     กำหนดคลอดของแม่สุนัขอยู่ในราว 60-63 วัน หลังจากการผสมพันธุ์การเตรียมจัดที่คลอด จะต้องทำล่วงหน้า
     การให้ความอบอุ่นแก่ลูกสุนัข ขณะคลอดและหลังคลอด 2-3 วัน นับว่าสำคัญในอนาคตของ ลูกสุนัขมาก ลูกสุนัขได้รับอุณหภูมิจากตัวแม่ ด้วยความร้อน 101.4 องศาฟาเรนไฮ คือ เท่ากับอุณหภูมิของโลกภายนอก ดังนั้นอาหารที่จะให้แม่สุนัขในวันแรกๆ ควรจะต้องเป็นอาหาร ที่ก่อให้เกิดความร้อนในตัวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้อาหารประเภทบำรุงความเติบโตแต่อย่างใด อย่างน้อยอุณหภูมิขณะคลอดและหลังคลอด 48 ชั่วโมง ควรจะเป็น 105 องศาฟาเรนไฮแต่จาก นั้นจะลดน้อยลงเรื่อยจนถึงปลายสัปดาห์แรกลูกสุนัขจะมีอุณหภูมิปกติและมีความสมบูรณ์ ที่คลอดนั้นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือต้องเป็นที่เงียบ อย่าให้มีสุนัขรบกวนได้



สำหรับที่นอนของลูกสุนัข
     ลูกสุนัขนั้นควรเป็นหีบไม้แข็งแรง กว้างใหญ่พอเหมาะแก่จำนวนลูกสุนัข แต่ถ้าหากเป็นคอกเล็กๆ จะใช้หีบขาตะแคงก็เหมาะดีเหมือนกัน ถ้าใช้ชนิดหีบปิดฝาปิด  จะต้องปิดเปิดได้คล่องๆ



พื้นที่นอนคลอด
     ควรปูด้วยกระสอบที่สะอาด หรือวัตถุอื่น ซึ่งเวลาไม่ต้องการใช้จะได้ ทำลายเสียเลย โดยปกติแม่สุนัขมักจะชอบกัดแทะเครื่องปูนอนเหล่านี้เพื่อปรับปรุงที่นอนของมัน ฉะนั้นควรให้แม่สุนัขคุ้นเคยกับที่นอนของมันสัก 1-2 สัปดาห์ก่อนวันคลอด



การออกกำลังให้สุนัข
     ขณะมีครรภ์นับว่าสำคัญมาก  จะละเลยเสียมิได้  จนกระทั่งถึงสัปดาห์สุดท้าย แม้ตัวมันจะหนักอุ้ยอ้ายสักเพียงไร ก็ควรให้เดินในระยะใกล้ๆ และที่เงียบๆ ควรให้เล่นกับสุนัขอื่นๆ บ้างเป็นครั้งคราว ยิ่งใกล้วันคลอดแม่สุนัขจะเริ่มจัดรังนอนของเขา ด้วยการกัดสิ่งของที่เขาพบอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ฉะนั้นหากจะใช้ผ้าห่มดีๆ แล้วไม่ควรให้เขาในระยะนี้



อาการแสดงว่าจะคลอดนั้นคือ
     ช่องคลอดจะบวมโตและนุ่ม จะมีเมือกลื่นๆ ไหลออกมา สุนัขจะไม่ยอมกินอาหาร และแสดงว่าจะคลอด อาการเช่นนี้จะมาก่อนการคลอดจริงราวๆ 24 ชั่วโมง

     ระยะที่ 2 เมื่อการคลอดจะสำเร็จผล ก็ต่อเมื่อมดลูกทำการบีบรัดตัวและบีบลูกสุนัขให้ผ่านจากช่อง คลอดออกมา ขณะนี้แม่สุนัขจะรู้สึกเจ็บปวดยิ่งขึ้นและร้องครวญคราง อาจเป็นเสียงดังหรือเสียงแหลมเป็นระยะๆ และก็ดังยิ่งขึ้น ในไม่ช้าก็จะมีเมือกลื่นๆ ไหลออกจากช่องคลอด ตามธรรมดาลูกสุนัขจะโผล่หัวและขาหน้าก่อน แต่ก็มีบ่อยที่หางออกก่อน โดยปราศจากความลำบาก เว้นแต่จะเป็นลูกสุนัขนั้นหัวโต การคลอดในลักษณะอย่างนี้จะทำให้เจ็บปวดและยุ่งยาก ขณะที่หัวสุนัขโผล่ออกมา นั้นเองแม่สุนัขจะได้รับความเจ็บปวดและร้องดัง ตามธรรมดาลูกสุนัขขณะคลอดจะถูกหุ้มอยู่ในถุง เยื่อเหนียวๆ ซึ่งแม่สุนัขจะกัดเลีย เพื่อแยกให้ลูกออกมา แต่ถ้าหากมันทำเองไม่สำเร็จ ผู้พยาบาลต้องคอยช่วยเหลือเขาทันที มิฉะนั้นลูกสุนัขจะตาย

     ลูกสุนัขขณะคลอดออกมา  จะยังคงถูกล่ามกับแม่ของเขาโดยสายสะดือ ซึ่งติดต่อไปยังรก และรกนี้ก็ออกมาจากช่องคลอดของแม่สุนัข หลังจากลูกสุนัขได้คลอดออกมาแล้ว รกนี้แม่สุนัขจะกินทันที และขบไต่ไปตามสายสะดือ จนกระทั่งเกือบถึงสะดือของลูกสุนัข ถ้าหากแม่สุนัขไม่ทำเช่นนั้นผู้พยาบาล จะต้องรีบตัดสายสะดือ  ให้ห่างสายสะดือของลูกสุนัข 1 คืบด้วยกรรไกรที่สะอาด แล้วมัดด้วยด้าย เหนียวๆ สายสะดือที่แห้งจะหลุดออกมาพร้อมกับด้ายที่มัดภายในไม่กี่วัน

     ต่อจากนั้นแม่สุนัขก็จะเข้าเลียลูกของเขาให้แห้ง และในขณะนี้เอง ลูกสุนัขตัวที่อยู่ในท้องก็จะ เคลื่อนออกมา แม่สุนัขก็จะจัดการกับลูกสุนัขเช่นเดียวกับวิธีการที่กล่าวมาแล้ว  จนกระทั่งคลอดเป็นตัวสุดท้าย บางครั้งลูกสุนัขคลอดมาเร็วมาก แม่สุนัขไม่ทันที่จะมีเวลาเลียลูกตัวที่ออกก่อนให้แห้ง ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้พยาบาลต้องใช้ผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ เช็ดให้แห้ง  แล้วนำไปไว้เสียอีกมุมหนึ่ง อย่างไรก็ดีจะปล่อยให้ลูกสุนัขให้เปียกชื้นและหนาวสั่นย่อมเป็นอันตราย ระหว่างคลอดหากแม่สุนัขแสดงอาการอ่อนเพลีย ควรจะให้นมอุ่นๆ แก่แม่สุนัขสักหน่อย ในระหว่างที่คลอดลูกยังไม่หมด และเมื่อคลอดหมดแล้ว ก็ควรให้ต่อไปอีกสักถ้วย  แล้วจึงปล่อยให้แม่สุนัขนอนกับลูกสัก 1-2 ชั่วโมง หลังจากนี้จึงควร ให้ทั้งลูกและแม่สุนัขขึ้นนอนในที่ๆ มีความอบอุ่นและสงบเงียบ



การดูแลบำรุงเลี้ยง
     สัก 2-3 ชั่วโมงต่อมา แม่สุนัขก็จะออกจากที่นอนมาถ่ายมูล ขณะนี้ควรให้อาหารน้ำอุ่นๆ แก่แม่สุนัข ขณะนี้ แม่สุนัขย่อมอยู่ในอาการที่ธาตุไม่ปกติ ในระหว่างที่ต้องทำการคลอดลูก และถ้าหากมันกินรกเข้าไปด้วย นักเพาะเลี้ยงสุนัขบางท่าน ไม่ยอมให้แม่สุนัขกินรกหรือเครื่องในของเขาเอง แต่ก็ต้องถือว่าเป็นสัญชาตญาณของสัตว์อย่างหนึ่ง แต่ในการที่เขาได้กินอวัยวะภายในสดๆ ของตัวเขาเองเข้าไปเช่นนั้นก็ย่อมได้ รับฮอร์โมนหรือน้ำสกัดของชีวิต



การดูแลภายหลังการคลอด
     หลังการคลอดสัก 2-3 ชั่วโมง แม่สุนัขควรได้รับการเอาใจ และควรให้ได้กินอาหารเหลวๆ อุ่นๆ ถ้าเขากินรกเข้าไป  ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เอง  ที่ท้องของเขาจะไม่เป็นปกติในระหว่าง 2-3 วันแรกหลังการคลอด มูลที่ถ่ายออกมาจะมีสีดำคล้ายน้ำมันดิน ทั้งนี้เนื่องจากโลหิตที่กินเข้าไป ในระยะวันหรือสองวันแรก ควรสังเกตแม่สุนัขให้ดี เพราะว่าลูกสุนัขยังค้างอยู่ในท้องหรือไม่ ตามที่ทราบกันมาอาจเป็นเช่นนั้นได้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น  ก็จะสังเกตได้ว่าแม่สุนัขจะพยายามเบ่งเหมือนเมื่อทำการคลอดใหม่ๆ ในกรณีเช่น นี้ให้ไปตามสัตวแพทย์มาทำการผ่าตัดโดยด่วน ผู้ที่มีความชำนาญอาจใช้นิ้วมือที่ชุบยาฆ่าเชื้อ  แล้วล้วง เข้าไปในช่องคลอด  เพื่อทำการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง หากเห็นว่ามีอะไรผิดปกติจะเรียกสัตวแพทย์ มาทำการผ่าตัดโดยไม่ชักช้า บางทีอาจมีอุปสรรคอันร้ายแรง  เนื่องจากตำแหน่งที่ลูกสุนัขติดอยู่นั้นจำ เป็นต้องทำการผ่าตัดเอาออกทันที ในกรณีนี้ การชักช้าอยู่นานเท่าไร  ก็เป็นอันตรายมากเท่านั้น เป็นธรรมดาที่แม่สุนัขจะมีโลหิตออกมาเปื้อนเปรอะอยู่เป็นเวลาหลายวันหลังการคลอดแล้ว มันจะค่อยๆ จางลงๆ และจะหยุดในปลายสัปดาห์ที่ หรือ 2 ตามธรรมดาอุณหภูมิ (ปรอท) จะขึ้นสูงหนึ่งดีกรีหรือ ราวๆ นั้นหลังคลอดแล้วเขาควรจะกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติในราว 8 ชั่วโมง ต่อมาถ้ามีไข้ขึ้นสูงก็จะแสดง ให้ทราบว่า มีอะไรผิดปกติและต้องคอยตรวจสอบดูแลโดยไม่ชักช้า



การคลอดผิดปกติ
     คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการคลอดที่ไม่ปกติ  ผิดไปจากธรรมดา  ก็ควรพบให้สัตวแพทย์ช่วยโดยด่วน ความลำบากในการคลอด  อาจเป็นด้วยว่าลูกสุนัขอยู่ในท่าผิดปกติ  เนื่องจากความอ่อนแอ การหดตัวของมดลูก หรือรูปร่างของแม่สุนัขผิดส่วนสัด และอาการเหล่านี้ผู้สมัครเล่น  ไม่อาจจะแก้ให้หายได้ การกระทำง่ายๆ บางทีอาจจะทำให้ลูกสุนัขออกมาได้  แต่อย่างไรก็ดีในเรื่องนี้จำเป็นต้องมีความรู้ เกี่ยวกับกายวิภาควิทยา  และมีความชำนาญในการตรวจรู้ได้ว่าอะไรผิดปกติ  และสามารถแก้ไขให้ดีได้ หลักสำคัญยิ่งในการคลอด  ก็คือให้ตามสัตวแพทย์ ถ้าแม่สุนัขทำการเบ่งจนอ่อนกำลังลง (มีอาการ หอบเบ่ง) มาเป็นเวลาถึง 3  ชั่วโมงแล้ว ลูกสุนัขยังไม่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถุงเยื่อหุ้มโผล่มา และแตกไปแล้ว อาการเช่นนี้  ควรจัดการโดยด่วน  ไม่ว่าเป็นการคลอดลูกสุนัขตัวแรก  หรือตัวอื่นถัดไปก็ตาม การทอดระยะออกของลูกสุนัขจะห่างกันราว 15 ถึง 30 นาที  แต่อาจจะออกถี่กว่านี้ก็ได้ การดูแลระหว่างคลอด ควรจะสังเกตุดูด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี  ถ้าผิดปกติควรให้ไปตามหมอสัตวแพทย์ทันที ซึ่งเป็นหนทางที่ดีที่สุด  ในการที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียแม่สุนัขที่ดีไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น